Skip to content
Kawasaki Versys 1000 SE

ที่จริงในยุโรปนั้นได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วตั้งแต่ต้นปีสำหรับไลน์ผลิต 2019 Kawasaki Versys ทั้ง 650 และ 1000 ที่มีหลากหลายเวอร์ชั่น

ล่าสุดที่ประเทศสเปน เพิ่งจะจัดใหญ่เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ 2019 Versys 1000 โดยเฉพาะ เวอร์ชั่น SE ที่มาพร้อมกับองค์ประกอบใหม่ๆที่ได้รับการเสริมเข้าไป อาทิ Kawasaki Electronic Control Suspension หรือ KECS เป็นระบบที่พัฒนามาจากพื้นฐานการปรับระบบกันสะเทือนไฟฟ้าแบบ semi-active system ของ 2018 ZX10R-SE ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับค่าของระบบกันสะเทือนที่เหมาะสมกับการบรรทุกเช่น ขับขี่คนเดียว ขับขี่พร้อมสัมภาระ ขับขี่พร้อมสัมภาระและมีผู้โดยสาร Smooth Engine with Electronic Throttle Valves เครื่องยนต์มีความนุ่มนวลด้วยการควบคุมจังหวะเรือนลิ้นเร่งด้วยระบบไฟฟ้า ที่มาคู่กับ KQS หรือ ควิกชิพท์ซึ่งได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับรถในเวอร์ชั่น SE นี้ TFT Color Instrumentation ชุดแผงเรือนไลม์เป็นจอสีแบบ TFT ที่ได้ทำการลิ้งค์กับค่าโหมดต่างๆ โดยเฉพาะ Integrated Riding Modes ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับเซ็ทโหมดการขับขี่ได้ตามความเหมาะสม และในขณะเดียวกันก็สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ด้วย Smartphone Connectivity via Rideology the APP โดยมีการติดตั้งบลูทูธมากับเรือนไมล์ TFT ของรถซึ่งการสั่งงานบางอย่างสามารถจัดการผ่านแอพลิเคชั่น Rideology The APP ขณะที่ชิ้นส่วนบอดี้พาร์ทนั้นก็เป็น Bodywork with LED Headlights
และ Cornering Lights นี่ก็เป็นความพิเศษบางส่วนที่ทาง Kawasaki ติดตั้งมาใน Versys 1000 SE โมเดลล่าสุด โดยพื้นฐานเครื่องยนต์นั้นยังคงเป็นเครื่องยนต์สี่จังหวะแบบสี่สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1,043 ซีซี ที่มีมิติของกระบอกสูบxช่วงชัก อยู่ที่ 77×56 มม. มีอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 10.3:1 มีกำลังเครื่องยนต์ 120 แรงม้าที่ 9000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดขนาด 102 นิวตันเมตร ที่ 7500 รอบต่อนาที ขณะที่โครงสร้างแชสซีส์มาด้วยเฟรมอลูมินัมแบบ twin tube พร้อมกันสะเทือนหน้าเป็นฟอร์คแบบหัวกลับ inverted fork ขนาด 43 มม. ที่กล่าวไปแล้วว่ามาพร้อมกับ KECS ที่ควบคุม rebound และ compression damping และสามารถปรับค่าสปริงแบบแมนนวลได้ในส่วนของ spring preload และ top-out springs ขณะที่กันสะเทือนหลังนั้นมาเป็น BFRC lite shoc ซึ่ง KECS สามารถใช้ควบคุมการปรับ compression damping , rebound damping ซึ่งตัวรถนี้มีระยะยุบตัวที่ 150 มม. สำหรับล้อหน้าและ 150 มม. สำหรับล้อหลัง โดยที่ใช้ยางหน้าขนาด 120/70ZR17M/C กับยางหลังขนาด 180/55ZR17M/C โดยที่ระบบเบรกนั้นจะเป็นจานดิสก์คู่ Dual semi-floating ขนาด 310 มม. พร้อมคาลิเปอร์สี่สูบ monoblocแบบ Dual radial mount สำหรับชุดเบรกหน้าส่วนเบรกหลังนั้นเป็นจานดิสก์เดี่ยวขนาด 250 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบเดียวโดยได้ติดตั้ง ABS หรือ Anti lock Brake System มาให้อีกด้วยและความจุถังเชื้อเพลิงขนาด 21 ลิตร ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักอยู่ที่ 257 กก.
สำหรับ Versys1000SE ตัวนี้ต้องบอกว่าเป็นตัวท๊อปของไลน์การผลิตก็ว่าได้ นอกจากไฮไลท์ที่กล่าวถึงไปแล้วนั้น เราจะมาดูเทคโนโลยีอื่นๆเพิ่มเติมที่มีติดตั้งมาใน Versys 1000 กันว่า Kawasaki ให้อะไรมากันบ้างกับไลน์ผลิตรถแอดเวนเจอร์ในซีรี่ส์ Versys 1000 นี้ KQS-Kawasaki Quick Shifter แน่นอนว่าเป็นควิกชิพท์ตามที่กล่าวไปแล้ว แต่สำหรับตัวที่ติดตั้งมานี้ของ Kawasaki จัดให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ทั้ง up&down โดยไม่ต้องใช้คลัทช์ Assist&Slipper Clutch เป็นพื้นฐานจากเทคโนโลยีรถแข่ง ที่ช่วยลดแรงในการบีบมือคลัทช์ให้เบาแรง KTRC หรือ Kawasaki Traction Control ถือว่าที่นำมาติดตั้งนี้เป็นเทคโนโลยีในส่วนของระบบ traction control ที่ทันสมัยสุดของ Kawasaki โดยจะมีการติดตั้งมาให้ สามโหมดการขับขี่ เช่นเดียวกับ Power Modes หรือโหมดควบคุมกำลังเครื่องยนต์ที่สามารถเลือกปรับใช้ค่าการส่งกำลังเครื่องยนต์ออกมาใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ขับขี่ที่หลากหลาย Electronic Cruise Control เป็นเทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ทางไกลเพื่อมีส่วนลดความตึงเครียดระหว่างเดินทางไกล ซึ่งระบบจะช่วยล็อคความเร็วระหว่างขับขี่ทางไกลให้กับผู้ขับขี่นั่นเอง

ก็ถือได้ว่านี่คือรถในระดับ Super Adventure ในระดับท๊อปจาก Kawasaki ที่บรรจุเทคโนโลยี่ชั้นนำมาเพื่อช่วยตอบสนองการขับขี่และให้ความสบายตลอดการเดินทาง เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกสนุกสนานสะดวกสบายในทุกๆสภาพเส้นทางขับขี่ กับเจ้า inlinefour คันนี้ ซึ่งฉบับนี้ไรดิ้งเราก็ได้ไฟล์ภาพจากสเปนมาฝากกัน