Skip to content
FMSCT SX 2019 ขนอม ขุนพล CRF ขยับขึ้นรั้งจ่าฝูง หลังผ่านสามสนามซูเปอร์ครอสชิงแชมป์ประเทศไทย สนาม 2 ศรีสัชนาลัย+ สนาม 3

การแข่งขันเก็บคะแนนสะสมชิงแชมป์ประเทศไทย FMSCT Thailand Supercross Championship ประจำปี 2019

กับสองเกมล่าสุดที่สนามพระยาลิไท อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย และ สนามแยกควนเหลง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และแน่นอนว่าไฮไลท์ก็จะอยู่ที่เกมใน Division1 ที่เป็นการชิงชัยของยอดนักแข่งของไทยและดาวรุ่งชั้นนำของวงการเข้ามาชิงชัยกัน หลังประเดิมฤดูกาลด้วยชัยชนะสนามแรกของทัพ Blue Army จากขุนพล YZF โดยเฉพาะ ธนรัตน์ เพ็ญจันทร์ ที่คว้าชัยแรกของฤดูกาลไปได้ ก่อนที่เกมสนามถัดมาที่ ศรีสัชนาลัย เป็นการพลิกสถานการณ์กลับมาของเหล่า Red Riders ที่นำตัวแข่ง CRF เดินหน้าคว้าชัยและก้าวสู่โพเดี้ยม โดยเฉพาะสายขุนพล CRF เลือดใหม่ อย่าง กฤษฎา จำรูญจารีต ที่แก้เกมปรับแผนจนกลับมาแก้มือในเกมนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมจนสามารถขยับขึ้นไปมีคะแนนสะสมนำร่วมเท่ากับเจ้าของตำแหน่งแชมป์เก่าอย่าง เบน ประสิทธิ์ ฮัลเกรน ที่จบเกมนี้ด้วยอันดับสาม จนมี 31 คะแนนเท่ากัน ซึ่งตำแหน่งบนโพ เดี้ยมของ Division2 ที่สุโขทัยนี้เกือบจะ

เป็นนักแข่งฮอนด้าทั้งหมด ซึ่งผลก็คือ กฤษฎา จำรูญจารีต CRF หมายเลข 17 พัสกร ปริยวงศธร CRF หมายเลข 3 ประสิทธิ์ ฮัลเกรน YZF หมายเลข 1 ปิยณัฐ เกิดศิริ CRF หมายเลข 4 และ จักรกฤษณ์ ศุขศรีไพศาล CRF หมายเลข 24 ทว่าผู้ชนะในนัดเปิดฤดูกาลอย่าง ธนรัตน์ นั้นพลาดล้มอย่างหนักจนต้องดูอาการอยู่ที่ ร.พ.หนึ่งคืน ซึ่งหลังจากออกจาก ร.พ. ธนรัตน์ ได้กล่าวว่า

“ผมล้มตอนแข่งเมื่อวานนี้ในจังหวะโดดเนินชุด 5 ลูก เนื่องจากอยู่ในกลุ่มท้ายๆฝุ่นค่อนข้างเยอะทำให้มองไม่ค่อยเห็นเนิน รวมกับความใจร้อนที่อยากจะขยับขึ้นไปในกลุ่มหน้า ทำให้จำจังหวะคันเร่งผิด โดดเคาะลูก 3 ตัวกระเด็นไปลูกที่ 4 ทำให้สลบไปขณะแข่งขัน และมีคิ้วแตกต้องเย็บไปกี่เข็มไม่รู้ จำไม่ได้ หมอให้นอนดูอาการ 1 คืน ตอนนี้ร่างกายดีขึ้นแล้วครับ เดินได้ขยับตัวได้ปกติมีปวดเมื่อกล้ามเนื้อเล็กน้อยสายๆก็กลับบ้านได้ครับ ขอบคุณทุกกำลังใจที่เป็นห่วงกันเสมอครับ สนามหน้าพบกันใหม่แน่นอนครับ”
และไม่ถึงสองสัปดาห์เกมการแข่งขันเก็บคะแนนสะสมชิงแชมป์ประเทศไทยสนาม 3 ก็ต้องล่องใต้สู่อำเภอขนอม ซึ่งใน Division1 นั้นต้องยอมรับว่าเหล่าขุนพล CRF ต่างกำลังคึกคักจากเกมที่ศรีสัชนาลัยที่ กฤษฎา จำรูญจารีต สามารถนำผองเพื่อน Red Riders ก้าวขึ้นสู่โพเดี้ยมได้เกือบครบ ที่มีเพียงแชมป์เก่า เบน ประสิทธิ์ ที่นำ YZF แทรก เข้ามายืนบนโพเดี้ยม ขณะที่ ธนรัตน์ เพ็ญจันทร์ ยังคงไม่เต็มร้อยจากการล้มแรง จนคณะกรรมการควบคุมการแข่งขันต้องมีการประชุมตัดสินใจร่วมกับนักแข่งเพื่อพิจารณาเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ แต่ก็สรุปได้ว่า ธนรัตน์ สามารถลงแข่งขันได้ ตามที่ได้รับการรับรองจากแพทย์และพิจารณาจากสภาพปัจจุบันร่วมกันกับทางผู้ควบคุมการแข่งขันกับนักแข่งและทีมต้นสังกัด ดังนั้นในเกมนี้น่าจะไม่ใช่งานง่ายสำหรับทัพ Blue Army ในการที่จะเปิดเกมไล่ล่าแต้มกับ Red Riders ที่กำลังคึกสุดขีด ซึ่ง เบน ประสิทธิ์ ในฐานะแชมป์เก่าและผู้นำคะแนนร่วมได้กล่าวถึงเกมนี้ว่า

“แม้อากาศที่ขนอมจะร้อน แต่ก็ยังดีกว่าสนามก่อนที่ศรีสัชนาลัยที่ร้อนมากกว่านี้ เท่าที่ดูสภาพสนามและได้ลงซ้อมผมคิดว่าจะสามารถทำผลงานได้ดีในเกมนี้เนื่องจากสภาพแทร็คไม่ยากเช่นที่ศรีสัชนาลัย เชื่อว่าน่าจะเอื้อกับสไตล์การขี่ของผม ซึ่งผมเองก็หวังอย่างยิ่งที่จะคว้าชัยแรกของฤดูกาลนี้ให้ได้ ดังนั้นผมจะพยายามให้เต็มที่เพื่อผลงานที่ดี

ที่สุด และแน่นอนว่าผมจะต้องเน้นผลงานที่ดีเพื่อโอกาสในการป้องกันแชมป์ของผมด้วย”
ต้องบอกเลยว่านี่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของฤดูกาลอีกเกมหนึ่งที่เมื่อ เบน ประสิทธิ์ พยายามเน้นไล่ตำแหน่งในกลุ่มสู้เพื่อโพเดี้ยมนั้นก็ต้องออกจากเกมไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อรถแข่งปะทะกับ ธนรัตน์ จนรถของเขานั้นเสียหายไม่สามารถแข่งขันต่อได้ ไร้แต้มจากเกมนี้ไปอย่างน่าเสียดาย เช่นเดียวกับ จักรกฤษณ์ ศุขศรีไพศาล ที่ทะยานขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม ทิ้งห่างคันหลังอย่างเหนือชั้นจนแทบจะการันตีได้ว่าชัยชนะในเกมนี้คงยากที่ใครจะมาแย่งไปจากเขา แต่แล้ว “ยางหน้ารั่ว” ทำให้ความเร็วค่อยๆลดลง เพื่อประคองอันดับก่อนที่จะถูก กฤษฎา จำรูญจารีต ไล่มาทันและแย่งตำแหน่งจ่าฝูงของการแข่งขันไปครอง จนครบรอบการแข่งขัน ชัยชนะในเกมนี้ตกเป็นของ กฤษฎา พร้อมทั้งทำแต้มสะสมขึ้นนำเดี่ยวบนตารางคะแนนสะสม ในขณะที่ตำแหน่งบนโพเดี้ยมนั้นตามมาด้วย จักรกฤษณ์ ศุขศรีไพศาล#24 ตระการ ทั่งทอง#5 ปิยะณัฐ เกิดศิริ#4 ธนรัตน์ เพ็ญจันทร์#71 และที่น่าสนใจก็คือการฟื้นฟูสภาพร่างกายจนสามารถกลับมาชิงชัยได้ในเกมนี้ของ ชัยยันต์ โรมพันธ์#311 แชมป์ประเทศไทยสี่สมัยที่นำรถแข่ง Husqqvarna จบด้วยอันดับที่เจ็ดในเกมนี้ ซึ่ง ชัยยันต์ ได้กล่าวว่า
“อาการก็ดีขึ้นครับหลังจากสนามแรกที่กระดูกนิ้วเท้าแตกและกล้ามเนื้อขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทก ก็พยายามที่จะกลับมาฟื้นฟูร่างกายให้ดีที่สุดครับ แต่ก่อนอื่นต้องบอกว่าการที่ผมกลับมาแข่งอีกครั้งในฤดูกาลนี้นั้นก็อยากจะตอบแทนผู้สนับสนุนตอบแทนแฟนๆที่ยังคงติดตามกันอยู่เสมอ ดังนั้นผมจึงคิดว่าคงจะต้องกลับมาลงแข่งอีกครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับส่วนหนึ่งว่าผลงานคงจะไม่เหมือนกับที่ผ่านมาที่ผมเคยครองแชมป์ประเทศไทยได้สี่สมัย ซึ่งเป้าหมายของผมนั้นก็เพื่อที่จะเรียนรู้เทคนิคการขี่ใหม่ๆในปัจจุบันเพิ่มเติม ซึ่งทุกวันนี้ตัวผมเองเน้นหนักบทบาทไปทางด้านการเป็นโค้ชเป็นเทรนเนอร์ แต่เทคนิคใหม่ๆในวงการแข่งขันนั้นมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ตัวผมจึงต้องรู้จักที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ เพราะผมเชื่อว่าการที่เราจะสอนนักแข่งได้นั้นเราเองก็ต้องเป็นนักแข่งเองด้วยเช่นกัน แม้จะประสบความสำเร็จกับตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยมาแล้ว แต่ตัวผมก็ยังจะต้องเรียนรู้เองตลอดเวลาด้วยเช่นกัน เอาเป็นว่าสำหรับแฟนๆที่ยังคงติดตามยังคงหวังในผลงานที่ดีจากผมนั้น ผมก็ขอขอบคุณซึ่งเวลานี้ผมกำลังพักฟื้นร่างกายก็จะพยายามกลับมาทำผลงานให้ดีที่สุด โดยจะพยายามกลับมาสู้เพื่อโอกาสในการขึ้นโพเดี้ยมให้ได้อีกครั้งครับ”
และนอกจากรุ่นไฮไลท์ในเกมระดับ Division1 (แข่งรวม A+B คิดคะแนนทั้ง
โอเวอร์ออลและแยกรุ่น) แล้ว ในเกม Division 2 ที่เป็นการแข่งขันรวมของบรรดานักแข่งดาวรุ่งแถวหน้า จากคลาส C + Junior+Novice ที่มีการแยกคะแนนสะสมแต่ละคลาส เพียงแต่เพิ่มโอกาสในการฝึกฝนฝีมือด้วยการชิงชัยแบบโอเวอร์ออลใน Division2 ที่น่าสนใจก็คือ นักแข่งวัย 13 ปี อย่าง จิรัฎฐ์ วรรณลักษณ์#77 เจ้าของตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยรุ่น 85 ซีซี ที่ก้าวขึ้นมาแข่งในรุ่น 250Junior ซึ่งต้องพบกับเกมที่ยากลำบากในรูปแบบของ Division2 นี้แม้ว่าภาพรวมจากการแข่งขันในแบบโอเวอร์ออลนั้นจะไม่ง่ายนักที่ต้องเจอกับนักแข่งในเกมที่ประสบการณ์กับรถแข่ง 250F นั้นเหนือกว่า ทว่า จิรัฎฐ์#77 ก็สามารถรั้งผลงานในรุ่นของตนเองได้อย่างน่าพอใจในระดับหนึ่ง เมื่อต้องเจอกับนักแข่งในคลาสจูเนียร์อย่าง วิศรุต ศาลางาม#19 อทิญุต เตียงทองคำ#4 หรือแม้แต่ กฤตภัทร เขื่อนคำ#32 และนักแข่งคนอื่นๆในรุ่น ซึ่งในเกมสนามสามที่นามพระยาลิไทย จิรัฎฐ์#77 สามารถคว้าชัยในรุ่นไว้ได้ก่อนจะมาเจอปัญหาในเกมสนามสี่ที่ขนอม เมื่อล้มจนเกิดปัญหากับมือคลัทซ์ แต่ก็พยายามจัดการรับมือปัญหาด้วยตนเอง ก่อนจะค่อยๆประคองรถแข่งเข้าไปรับการช่วยเหลือในพื้นที่ที่กำหนดไว้จนสามารถกลับมาแข่งขันต่อได้พร้อมทั้งเก็บแต้มสะสมจนรั้งอันดับสามบนตารางคะแนนของรุ่นไว้ได้

นอกจากนี้ในฤดูกาลนี้ทั้งสามสนามที่ผ่านมาได้มีการจัดรุ่นการแข่งขัน 85 ซีซี Lady ขึ้นมา ซึ่งในเกมแรกนัดเปิดฤดูกาลนั้นถือว่ามีนักแข่งหญิงค่อนข้างหนาตา แต่เนื่องจากหลายคนเป็นทีมแข่งอิสระจึงไม่ได้เดินทางร่วมชิงชัยครบทุกสนามคงเพราะเรื่องของค่าใช้จ่าย ดังนั้นสองเกมที่ผ่านมา รุ่นเลดี้จึงจัดแข่งร่วมกับรุ่นซัพพอร์เรซอย่าง KLX150 ที่น่าสนใจก็คือ มีนักแข่งหญิงอย่าง นัทชา เสนาภิรมย์ ที่ตามร่วมแข่งขันครบทั้งสามสนามจึงมีคะแนนสะสมรั้งจ่าฝูงของตารางคะแนนสะสมของรุ่น ซึ่งในเกมที่ขนอมก็เป็นไปตามคาดที่ นัทชา#115 คว้าชัยไปตามระเบียบ ซึ่งในเกมนี้ก็มีนักแข่งหญิงอย่าง ปัทมวรรณ กวางทุม #743 ตามมาร่วมชิงชัยด้วย ซึ่งเธอเพิ่งเริ่มต้นฝึกฝนเข้าสู่เกมการแข่งขันได้เพียงปีเดียว ก็กล้าที่จะตัดสินใจก้าวมาลองเสริมประสบการณ์ในเกมระดับชิงแชมป์ประเทศไทยนี้ด้วย
สำหรับสามสนามผ่านไปผลการแข่งขันนั้นก็คงจะทราบกันไปจากการถ่ายทอดสดผ่านจานส้ม IPM หรือ ผ่านทางไลฟ์สตรีมมิ่ง ช่อง WROOMM กันไปแล้ว