Skip to content
Ducati Multistrada 1200 Enduro

หลังจากต้นปี 2017 ที่ Ducati ปล่อย Multistrada 1200 Enduro ออกสู่ตลาด ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวของรถในแนวแอ๊ดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งในยุโรป และอเมริกา ทำให้กลางปีที่ผ่านมาจึงได้มีการ “อัพสเปค” มาเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด คือ Multistrada 1200 Enduro Pro ออกมาปิดท้ายซีรี่ส์ ทั้งที่ยังเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งปีก็น่าจะเป็นช่วงเวลา “เปิดตัวรถโมเดลปี2018” ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า Enduro Pro จึงน่าจะเป็นเวอร์ชั่น”พิเศษ” สำหรับ นักบิดในระดับฮาร์ดคอจริงๆ

จากพื้นฐานเดิมของ Multistrada 1200 Enduro ที่มาด้วยขุมพลังขนาด 152 แรงม้า จากเครื่อง Ducati เวอร์ชั่น Testastretta DVT engine ที่มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ คือ enduro , touring , sport และ urban ที่ว่ากันว่าเป็นรถที่ให้ความรู้สึกในการขับขี่แบบ 4in1 หรือเป็นรถที่พร้อมตอบสนองการขี่แบบครบทุกรูปแบบความต้องการในคันเดียวนั่นเอง จากพื้นฐานเครื่องยนต์ และเฟรมที่มีความแข็งแกร่งทนทานเป็นพิเศษจาก Multistrada 1200Enduro มาสู่การพัฒนาเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่ต่อท้ายด้วย รหัส Pro นั้น จึงได้รับการติดตั้งระบบอิเล็คทรอนิคส์ที่ทันสมัย “เป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน” ไม่ว่า ABS Cornering , Cornering Lights(DCL) , Ducati Traction Control (DTC) ,Ducati Wheelie Control(DWC) , และ Ducati Skyhook Suspension(DSS) อีกทั้งยังมี Vehicle Hold Control(VHC) ที่ช่วยควบคุมให้สามารถสตาร์ทขึ้นเนินได้อย่างนุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มอ๊อพชั่นลูกเล่นเพิ่มเติมให้กับ Multistrada 1200 Enduro Pro ด้วยการเพิ่ม electronic speed control กับ Bluetooth module ที่จะให้ผู้ขี่สามารถเชื่อมต่อรถกับสมาร์ทโฟน ผ่าน Ducati Multimedia System (DMS) โดยข้อมูลต่างๆ เช่น สายโทรเข้า, ข้อความ , เพลง จากโทรศัพท์ จะแสดงผลบนแผงเรือนไมล์ที่เป็นจอแสดงผลแบบ TFT dashboard

นอกจากนี้สีของตัวรถจะแตกต่างออกไปจากเวอร์ชั่นมาตรฐาน ด้วยโทนสี Sand-colourwd พร้อมมีโลโก้ Enduro ติดด้านข้างเช่นเดียวกับเบาะนั่งก็จะเป็นเบาะแบบ two tone รวมทั้งซับเฟรมสีดำ พร้อมด้วยลูกเล่นเพิ่มเติมพิเศษในบางชิ้นส่วนของตัวรถที่จะแตกต่างไปจากเวอร์ชั่นเดิมที่ออกมาก่อนหน้านี้ ในขณะเดียวกันก็จะเปลี่ยนยางติดรถจากโรงงานมาเป็น Pirelli Scorpion Rally Tyre ขนาด ยางหน้า 120/70 R19 , ยางหลังขนาด 170/60 R17 ซึ่งเป็นยางประเภทแรลลี่ ที่สมบูรณ์แบบกับการใช้งานในเส้นทางวิบาก แต่ก็มีประสิทธิภาพที่ดีพอสำหรับรองรับการขับขี่บนพื้นถนนแอสฟัลท์

นอกจากนี้ยังเปลี่ยนแฮนด์เดิ้ลบาร์มาเป็นชุดคิทพิเศษ Ducati Performance bull bar ที่ผลิตโดย Touratech และที่พิเศษคือ ท่อไอเสีย ที่พัฒนาโดย Termignoni ซึ่งเป็นท่อพิเศษที่พัฒนาได้มาตรฐานการตรวจสองของ Ducati Performance